เปลี่ยนกิจวัตรประจำวัน
ช่วย “ประหยัดน้ำ” ได้มากขึ้น

โลกของเราประกอบไปด้วยพื้นดินและพื้นน้ำ โดยมีน้ำปกคลุมพื้นผิวโลกถึง 71% และน้ำเป็นปัจจัยที่สำคัญอย่างมากในการดำรงชีวิตของมนุษย์ สัตว์ พืชพรรณ และสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ซึ่งน้ำนั้นมีประโยชน์หลายด้าน ทั้งในด้านการบริโภค-อุปโภค ด้านเกษตรกรรม และด้านอุตสาหกรรม

ด้านการบริโภค-อุปโภค
มนุษย์ใช้น้ำบริสุทธิ์ในการดื่มกิน การประกอบอาหาร การซักผ้า การซักล้าง และการชำระร่างกาย

ด้านเกษตรกรรม
ในเรื่องของการทำเกษตรกรรม น้ำถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ เพราะมันช่วยในเรื่องของการเติบโตของพืชพรรณต่างๆ ทำให้มนุษย์ได้ผลผลิตจากการปลูกพืช

ด้านอุตสาหกรรม
ในอุตสาหกรรมทุกชนิดจำเป็นต้องใช้น้ำในการประกอบการผลิต โดยเฉพาะอุตสหกรรมถลุงเหล็ก จำเป็นต้องใช้น้ำในปริมาณที่มากและเนื่องด้วยสถานการณ์ภัยแล้งที่พบทุกปี สาเหตุหลักมาจากการคาดแคลนน้ำ ปริมาณน้ำไม่เพียงพอต่อความต้องการของมนุษย์ ทุกคนลองคิดดูว่าจำนวนคน 1 คน ใช้น้ำเฉลี่ยมากถึง 200 ลิตร/วัน แล้วถ้าประชากร 1000 คน ปริมาณน้ำที่ใช้ต่อวันจะมากขนาดไหน?

ถึงเวลาแล้วที่ทุกคนต้องหันมาช่วยกันประหยัดน้ำ ร่วมสร้างจิตสำนึกที่ดี โดยเริ่มต้นง่ายๆ จากตัวเราเอง เพียงแค่เปลี่ยนกิจวัตรประจำวันบางอย่าง เราก็สามารถช่วยประหยัดน้ำได้มากขึ้นแล้ว

วิธีที่ 1 อาบน้ำด้วยฝักบัว
เปลี่ยนพฤติกรรมการอาบน้ำโดยใช้ฝักบัวรูเล็ก ยิ่งฝักบัวรูเล็กเท่าไรก็ยิ่งประหยัดน้ำได้มากขึ้น ซึ่งการอาบน้ำด้วยฝักบัวสามารถช่วยประหยัดน้ำได้ถึง 70 ลิตร/ครั้ง 

วิธีที่ 2 ใช้ฝักบัวรดน้ำต้นไม้
เปลี่ยนการใช้สายยางแบบเดิมๆ ในการรดน้ำต้นไม้ให้เป็นฝักบัวรดน้ำต้นไม้ หรือสปริงเกอร์ สามารถช่วยประหยัดได้มากกว่าการใช้สายยาง หรือหากมีน้ำที่เหลือใช้จากการซักล้าง การถูพื้น สามารถนำมารดต้นไม้ได้อีกด้วยนะ

วิธีที่ 3 ซักผ้าครั้งละมากๆ
เวลาที่เราจะซักผ้าควรรวบรวมเสื้อผ้าหรือผ้าที่จะซักให้พอดีในแต่ละครั้ง เพราะการซักผ้าต้องใช้ปริมาณน้ำที่มาก เราขอแนะนำว่าควรซักผ้าอาทิตย์ละ 1-2 ครั้ง นอกจากจะช่วยประหยัดน้ำและน้ำยาซักผ้า

วิธีที่ 4 รองน้ำใส่ถัง
เราควรรองน้ำใส่ถังแทนการใช้สายยางในการล้างรถแต่ละครั้งสามารถช่วยประหยัดน้ำได้ถึง 300 ลิตร/ครั้ง 

วิธีที่ 5 ใช้แก้วรองน้ำเมื่อแปรงฟัน
ในขณะที่เราจะแปรงฟัน เราควรใช้แก้วรองน้ำแทนการเปิดก็อกทิ้งไว้ สามารถช่วยประหยัดน้ำได้ถึง 20 ลิตร/วัน

อ่านข้อความอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่ >> https://tararomestate.com/blog/eco/

Share this post