จากสถานการณ์ในปีที่ผ่านมา ทั้งการระบาดของโรคโควิด-19 และสภาวะเศรษฐกิจ ทำให้หลายคนเริ่มตระหนักและห่วงใยสุขภาพ รวมถึงกังวลกับค่าใช้จ่ายต่าง ๆ สำหรับการเข้ารับการรักษาพยาบาลแต่ละครั้ง เพราะอาจทำให้เงินสำรองที่เก็บมา อาจต้องหมดไปจากการเจ็บป่วยได้ วันนี้เราจึงนำเรื่องที่ต้องรู้ ก่อนซื้อประกันสุขภาพมาฝากกัน เพื่อให้รู้ข้อมูลที่จำเป็นจากตัวแทนหรือพนักงาน จะได้วางแผนเลือกซื้อได้ถูกต้อง
1. “ต้องสำรองจ่ายก่อน หรือไม่?” หากต้องสำรองจ่ายไปก่อนแล้วมาเบิกภายหลังจะส่งผลต่อการวางแผนสำรองเงินเก็บหรือวงเงินบัตรเครดิตเพื่อเตรียมเป็นค่ารักษาพยาบาล รวมถึงการเลือกโรงพยาบาลที่จะเข้ารับการรักษา
2. “ซื้อแล้วคุ้มครองทันที หรือไม่?” มีระยะเวลารอคอย ที่ยังไม่คุ้มครองโรคต่าง ๆ หลังซื้อประกันนานเท่าไร เช่น โรคเล็ก ๆ น้อย ๆ อาจ 30 วัน ส่วนโรคเฉพาะหรือโรคร้ายแรงอาจ 90 วัน เป็นต้น
3. “คุ้มครองโรค อะไรบ้าง?” คุ้มครองทุกโรคหรือจำกัดแค่บางโรค มีข้อยกเว้นที่ไม่คุ้มครองโรคอะไรบ้าง เช่น โรคร้ายแรง บางบริษัทอาจคุ้มครอง 27 โรคร้ายแรง แต่บางบริษัทอาจคุ้มครองถึง 30 โรคร้ายแรง
4. “เบิกได้เฉพาะกรณีเป็นผู้ป่วยในเท่านั้น หรือเบิกกรณีผู้ป่วยนอกได้?” ประกันสุขภาพส่วนใหญ่มักคุ้มครองการเจ็บป่วยเฉพาะกรณีเป็นผู้ป่วยใน คือต้องนอนโรงพยาบาล 6 ชั่วโมงขึ้นไป หากคุ้มครองกรณีผู้ป่วยนอกด้วยค่าเบี้ยประกันมักสูง แต่การเจ็บป่วยบางกรณีที่อาจรักษาด้วยการผ่าตัดและพักฟื้นไม่ถึง 6 ชั่วโมง บางแบบประกันก็สามารถเบิกได้ตามเงื่อนไข
5. “เบิกแบบเหมา หรือแยกค่าใช้จ่าย?” แบบเหมา คือ เบิกได้ตามค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจริง และ ไม่เกินวงเงินที่กำหนด แต่หากเป็นแบบแยกค่าใช้จ่าย นอกจากมีวงเงินคุ้มครองโดยรวมแล้วยังมีการกำหนดวงเงินของแต่ละรายการค่าใช้จ่ายด้วย
6. “จำกัดจำนวนครั้งหรือจำนวนเงิน ในการเบิกหรือไม่?” รายละเอียดเป็นอย่างไร รวมถึงเงื่อนไขวงเงินต่อครั้งนั้น ต้องซักถามด้วยว่าหากเข้ารับการรักษาโรคเดิมหลังการรักษาครั้งล่าสุดกี่วัน ถึงจะนับเป็นวงเงินครั้งใหม่
7. “หากเกิดเหตุต่างประเทศ คุ้มครองหรือไม่?” เพราะหากคุ้มครองจะได้เดินทางอย่างสบายใจเนื่องจากค่ารักษาพยาบาลมักสูงมาก รวมถึงกรณีสำรองจ่ายไปก่อนต้องใช้หลักฐานอะไรบ้าง และ เอกสารควรเป็นภาษาอังกฤษหรือไม่
8. “หากถือประกันสุขภาพที่อื่นอยู่ ยังเบิกได้หรือไม่? และต้องใช้เอกสารอะไรบ้าง?” เพราะหากเป็นประกันสุขภาพที่คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลตามจริง บริษัทจะคุ้มครองเฉพาะส่วนที่ยังไม่ได้เบิกที่อื่น และ ไม่เกินวงเงินตามเงื่อนไข แต่หากเป็นประกันสุขภาพที่จ่าย “เงินชดเชยรายวัน” สามารถนำสำเนาใบเสร็จไปเบิกได้ทุกที่ ตามจำนวนวันที่นอนโรงพยาบาลเป็นผู้ป่วยใน
9. “ชำระเบี้ยเป็นรายเดือน ต่างกับรายปีหรือไม่?” ค่าเบี้ยโดยรวมทั้งปีเท่ากันหรือแบบรายปีต่ำกว่า หรือ เมื่อมีการจ่ายผลประโยชน์เป็นเงินก้อนจะมีการหักค่าเบี้ยในเดือนที่ยังชำระไม่ครบปีก่อนหรือไม่ แล้วผลประโยชน์ส่วนที่เหลือค่อยจ่ายให้เรา
10. “ต่ออายุความคุ้มครอง ได้ถึงปีไหน?” หากเป็นประกันสุขภาพแบบซื้อเดี่ยว ถ้าคาดหวังว่าจะมีโอกาสเบิกประกันนี้ในช่วงหลังเกษียณ แต่หากประกันนั้นต่ออายุได้ถึงอายุ 60 ปี ก็ไม่ตรงกับวัตถุประสงค์ที่ซื้อ ส่วนประกันสุขภาพที่เป็นสัญญาเพิ่มเติมที่ต้องซื้อพ่วงกับประกันชีวิตหลัก นอกจากดูปีต่ออายุของสัญญาเพิ่มเติมแล้วต้องดูระยะเวลาของประกันชีวิตหลักด้วย เช่น สัญญาเพิ่มเติมต่อได้ถึงอายุ 80 ปี แต่หากประกันชีวิตหลักครบสัญญาก่อนอายุ 80 ปี ความคุ้มครองสุขภาพก็จะสิ้นสุดลงไปด้วย
สำหรับใครที่สนใจอยากทำประกันสุขภาพ ต้องซักถามข้อมูลจากตัวแทนหรือพนักงานขายประกันให้เต็มที่จนกว่าจะหมดข้อสงสัย เพื่อให้การซื้อประกันสุขภาพในครั้งนี้ได้รับประโยชน์สูงสุด และสำหรับใครที่ยังไม่เคยมีประกันสุขภาพ ลองเช็กสวัสดิการและความเสี่ยงด้านสุขภาพของตัวเองดู แล้วค่อยตัดสินใจว่าพร้อมทำประกันสุขภาพแล้วหรือยัง